จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

งาน



รูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2B 2 ตัวอย่าง
http://www.cementhaionline.com/  บริษัท เอสซีจี เน็ตเวิร์ค แมเนเจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเคหะภัณฑ์ในประเทศ บริษัทฯ ได้นำเครือข่ายคอมพิวเตอร์อันทันสมัยมาเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างบริษัทฯ กับผู้ผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้จำหน่ายกว่า 500 รายทั่วประเทศ เพื่อประสานการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเครือข่ายอินเตอร์เนต (E-commerce) ในรูปแบบ B2B ที่พร้อมจะขยายขอบเขตการจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติมโดยไร้ขีดจำกัด
http://www.value.co.th/ บริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ก่อตั้งโดยนายณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานบริหาร เมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าด้านไอทีชั้นนำ อาทิ ไมโครซอฟท์ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด และซีเกท ในปี พ.ศ. 2542 บริษัทฯ ได้นำระบบออนไลน์หรือ B2B มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ และสามารถดำเนินธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้ นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เปิดศูนย์บริการทั้งก่อนและหลัง
การขาย รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการบำรุงดูแลรักษาระบบเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าผ่าน ทาง 2 สาขาในกรุงเทพฯ และอีก 8 สาขาในต่างจังหวัดซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้แก่ ระยอง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ตและพิษณุโลก
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2C 2 ตัวอย่าง
http://www.pizza.co.th/  เดอะ พิซซ่า คอมปะนี  ดำเนินธุรกิจขายอาหารในรูปแบบบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค
http://www.mkrestaurant.com/ MK Restaurant ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกับเดอะพิซซ่า คอมปะนี ในรูปแบบบริการโดยตรงกับผู้บริโภค
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ C2C 2 ตัวอย่าง
www.thaisecondhand.com ThaiSecondhand.com คือแหล่งซื้อ-ขายสินค้าทั้งมือหนึ่ง มือสองที่ใหญ่ที่สุดในไทย โดยให้บริการโฆษณาการซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนสินค้า โดยแยกสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ ต่างๆ ที่ขายผ่านเว็บไซด์โดยตรงกับผู้บริโภคด้วยกันเอง
http://www.ebay.com/ เป็นแหล่งซื้อ ขายสินค้า มากมายหลายชนิดที่เปิดให้ผู้ที่ต้องการขายสินค้าสามารถนำสินค้าลงขายได้โดยเว็บไซด์เป็นสื่อกลางในซื้อ ขายสินค้า
รูปแบบการทำธุรกิจ (Click and Mortar) 2 ตัวอย่าง
คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการที่มีการผสมผสานกันระหว่าง ผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางในการค้าขาย โดยการค้าในรูปแบบนี้จะเป็นผสมผสานเชื่อมต่อการซื้อขายทั้งสองช่องทางด้วย กันได้ เพื่อให้ศักยภาพในการค้าสูงสุด ในการรองรับลูกค้าทั้งสองช่องทาง เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้ เป็นต้น
http://www.vijitmarketthai.com/  ร้านขายสินค้า อาหารต่าง ชื่อ ร้านวิจิตร ที่เปิดร้านค้าขายสินค้า อาหารทะเล เครื่องเทศ หรือ อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆอยู่ ในตลาดย่านสะพานใหม่ ดอนเมือง มานาน ได้มาเปิดเว็บไซต์ชื่อ ขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางใหม่ ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก โดยหลังจากเปิดเว็บไซต์ พบกว่าลูกค้าสามารถทำการเลือกซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง และทางร้านค้าจะจัดส่งสินค้าไปให้ได้ทั่วประเทศ หรือจะสามารถเลือกมารับสินค้าที่หน้าร้านค้าก็ได้ ซึ่งถือเป็นการนำเว็บไซต์มาผสมผสานกับหน้าร้านหรือธุรกิจได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดศักยภาพทางการค้าขายขึ้นสูงจากเดิมมาก
www.majorcineplex.com  เมเจอร์ซีเนเพลส แหล่งดูหนัง แหล่งรวม สุดยอดเมืองหนังและศุนย์รวมความบันเทิงระดับโลก ข่าว หนัง หรือ ภาพยนตร์ ทั้ง หนังใหม่ หนังเกาหลี หนังไทย หนังต่างประเทศ รวมถึง ตัวอย่างหนัง ก็เพิ่มช่องทางการทำธุรกิจในการจองตั๋วหนังผ่านอินเตอร์เน็ตและทางโทรศัพท์
รูปแบบการทำธุรกิจ (Click and Click) 2 ตัวอย่าง
การทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือให้บริการผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือร้านค้าจริงๆ ที่ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าหน้าร้านได้
http://www.ebay.com/ เป็นแหล่งซื้อ ขายสินค้า มากมายหลายชนิดที่เปิดให้ผู้ที่ต้องการขายสินค้าสามารถนำสินค้าลงขายได้โดยเว็บไซด์เป็นสื่อกลางในซื้อ ขายสินค้า ที่ไม่มีหน้าร้านอยู่จริงเป็นธุรกิจหรือองค์กรที่เสมือนจริง
http://www.amazon.com/ ช่วงแรกเริ่มอเมซอนทำธุรกิจขายหนังสือและไม่มีหน้าร้านตั้งอยู่จริงแต่ตอนนี้ธุรกิจนี้เริ่มนำสินค้าประเภทอื่นมาขายเพิ่มมากขึ้นและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce  5 ข้อ
1.      มีสินค้าและบริการราคาถูกจำหน่าย
2.      ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น
3.      สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4.      ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ในเวลาที่รวดเร็ว
5.      สนับสนุนการประมูลเสมือนจริง
ข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce  5 ข้อ
1.      ด้านเทคนิค  ขาดมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ
2.      ด้านกฎหมาย การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่
3.      ด้านธุรกิจ ภาษีและค่าธรรมเนียมจาก E-Commerce จัดเก็บได้ยาก ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
4.      ด้านอื่น การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จบนอินเตอร์เน็ตมีมากและมีการขยายตัวเร็วมากกว่าการพัฒนาของอินเตอร์เน็ตเสียอีก
     5.   ด้านอื่น สิทธิส่วนบุคคล (Privacy) ระบบการจ่ายเงินหรือการใช้ข้อมูลของลูกค้า        ทางอินเตอร์เน็ตทำให้ผู้ขายทราบว่าผู้ซื้อเป็นใครและสามารถใช้ซอร์ฟแวร์ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ หรือส่ง Spam ไปรบกวนได้

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

joomladb



Joomla 1.6  New Version.
ความสามารถหลักของJoomla 1.6

* ระบบกำหนดสิทธิการใช้งานใหม่ - ผู้ดูแลสามารถตั้งสิทธิได้เองว่าจะให้ใครกลุ่มไหนเข้าเห็นหรืออ่านเนื้อหาได้
* ระบบจัดการโครงสร้างเนื้อหาใหม่ - ระบบโครงสร้างเนื้อหาซึ่งสามารถสร้างหมวดหมู่ได้ไม่จำกัดชั้น
* อัพเดตส่วนเสริมต่างๆในคลิ๊กเดียว – เปิดให้ผู้ดูแลเว็บสามารถอัปเดต ติดตั้ง ส่วนเสริมต่างๆได้ในคลิ๊กเดียว
* ใช้มาตรฐาน XHTML - จูมล่าใช้มาตรฐาน XHTML ในการวาดโครงร่างเว็บ
* รองรับเว็บไซต์หลายภาษา – ความสามารถในการทำเว็บหนึ่งเว็บให้มีเนื้อหาได้หลากหลายภาษา

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายเดียว (Global Network) ที่รวมผู้ใช้กว่า 60 ล้านคน เพื่อประกอบกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่ การพูดคุย การสื่อสารข้อมูล การแลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้ การค้าขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษาทางไกล ฯลฯ เมื่อครั้งที่อินเตอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นนั้น ไม่มีใครเคยคาดคิดว่ามันจะกลายมาเป็นเครือข่ายที่มีบทบาทกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน จนถึงขนาดที่กำลังจะปฏิวัติวิธีการดำเนินชีวิตของประชากรโลกในศตวรรษหน้า กล่าวคือเมื่อ 20 ปีก่อน กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้มีมติด่วนให้พัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า ARPANET จุดมุ่งหมายคือให้เป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อถือได้สูง สามารถที่จะทำงานได้แม้ภายหลังที่อเมริกาถูกถล่มโดยอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมเครือข่าย ต้องมีความสามารถที่จะทำงานกับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่เหลือจากการทำลายของอาวุธนิวเคลียร์ เช่น หากโครงข่ายโทรศัพท์ และ เคเบิลถูกทำลายในบางพื้นที่ เครือข่ายจะยังคงทำงานได้โดยการสลับมาใช้โครงข่ายอื่น เช่น โครงข่ายดาวเทียม หรือวิทยุ เป็นต้น นอกจากนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวต้องมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างประเภท และต่างรุ่นที่มีอยู่ทั่วไปตามฐานทัพต่าง ๆ
ในครั้งนั้นการพัฒนาเครือข่าย ARPANET ได้กระทำร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหม กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานสำคัญ ๆ เช่นองค์การ NASA ทำให้ ARPANET เริ่มเติบโตโดยเริ่มมีการใช้งานมากขึ้นสำหรับการศึกษาและการวิจัย ถึงแม้จะเริ่มมีการพัฒนาเครือข่ายอื่น ๆ เช่น DECNET และ BITNET ขึ้นมาเป็นคู่แข่ง แต่เพราะข้อดีของ ARPANET ที่เป็นระบบเปิดที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP ทำให้ไม่จำกัดกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือ โครงข่ายเชื่อม (Physical Links) แบบใดแบบหนึ่ง ทำให้มันเอาชนะคู่แข่งและกลายมาเป็นตัวเชื่อมเครือข่ายอื่น ๆ ที่เข้ากันไม่ได้ ให้สามารถคุยกันรู้เรื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้ ARPANET ถูกพัฒนามาเป็นเครือข่ายของเครือข่าย หรือ อินเตอร์เน็ต (internet) ในที่สุด ข้อดีของการที่เป็นระบบเปิด คือ สามารถใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อได้หลายแบบทั้ง ไมโครเวพ ดาวเทียม โทรศัพท์ เคเบิล ใยแก้วนำแสง หรือแม้แต่ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบใดก็ได้ รวมทั้งยังบริหารง่ายคือ ผู้ใช้ออกค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของตน ทำให้อินเตอร์เน็ตขยายตัวง่ายในขณะที่ความซับซ้อนของงานไม่เพิ่มขึ้นเท่าไรนัก ความง่ายในการขยายเครือข่ายและการใช้งาน ได้ทำให้อินเตอร์เน็ตเริ่มได้รับความนิยมนอกประเทศสหรัฐอเมริกา จนกลายมาเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงทั่วโลก



TCP/IP กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สื่อสารระหว่างกันโดยใช้ Transmission Control Protocol (TCP) และ Internet Protocol (IP) รวมเรียกว่า TCP/IP ข้อมูลที่ส่งจะถูกตัดออกเป็นส่วนๆ เรียก packet แล้วจ่าหน้าไปยังผู้รับด้วยการกำหนด IP Address เช่น สมมติเราส่ง e-mail ไปหาใครสักคน e-mail ของเราจะถูกตัดออกเป็น packet ขนาดเล็กๆ หลายๆ อัน ซึ่งแต่ละอันจะจ่าหน้าถึงผู้รับเดียวกัน packets พวกนี้ก็จะวิ่งไปรวมกับ packets ของคนอื่นๆ ด้วย ทำให้ในสายของข้อมูล packets ของเราอาจจะไม่ได้เรียงติดกัน packets พวกนี้จะวิ่งผ่าน ชุมทาง (gateway) ต่างๆ โดยตัว gateway (อาจเรียก router) จะอ่านที่อยู่ที่จ่าหน้า แล้วจะบอกทิศทางที่ไปของแต่ละ packet ว่าจะวิ่งไปในทิศทางไหน packet ก็จะวิ่งไปตามทิศทางนั้น เมื่อไปถึง gateway ใหม่ก็จะถูกกำหนดเส้นทางให้วิ่งไปยัง gateway ใหม่ที่อยู่ถัดไป จนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง เช่นเราติดต่อกับเครื่องในอเมริกา อาจจะต้องผ่าน gateway ถึง 10 แห่ง เมื่อ packet วิ่งมาถึงปลายทางแล้ว เครื่องปลายทางก็จะเอา packets เหล่านั้นมาเก็บสะสมจนกว่าจะครบ จึงจะต่อกลับคืนให้เป็น e-mail

TCP/IP ตัดข้อมูลออกเป็น packet เล็กๆ ส่งไปบนสายส่งข้อมูลที่ไปถึงปลายทางถูกจับมารวมกันอีกครั้ง
การที่ข้อมูลมีลักษณะเป็น packet ทำให้ในสายสื่อสารสามารถที่จะ ขนส่งข้อมูลโดยไม่ต้องจอง (occupies) สายไว้สายจึงสามารถใช้ร่วมกันกับข้อมูลที่ส่งจากเครื่องอื่นได้ ต่างจากโทรศัพท์ที่ขณะใช้งาน จะไม่มีใครใช้สายได้ ดังตัวอย่างในรูปข้าล่างนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ A และ C สื่อสารกันด้วย packet สีดำ ซึ่งใช้สายร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ซึ่ง packet ดังกล่าวอาจจะเป็นสัญญาณเสียง (เช่น Internet Phone) ซึ่งเมื่อ packet เดินทางมาถึงก็จะถูกจับมารวมกันให้เป็นเสียงของการพูดคุย ไม่เหมือนโทรศัพท์แบบปรกติ ที่ขณะใช้งานสาย จะไม่สามารถนำไปทำงานอื่น ๆ ได้อีก
2.4 อินทราเน็ตคืออะไร
    อินทราเน็ต(Intranet) คือ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร เป็นบริการ และการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหมือนกันอินเทอร์เน็ต แต่จะเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น เช่น อินทราเน็ตของธนาคารแต่ละแห่ง หรือระบบเครือข่ายมหาดไทย ที่เชื่อมศาลากลางทั่วประเทศ เป็นต้น เป็นการสร้างระบบบริการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเปิดบริการคล้ายกับอินเทอร์เน็ตเกือบทุกอย่าง แต่ยอมให้เข้าถึงได้เฉพาะคนในองค์กรเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน ดังนั้นระบบอินเทอร์เน็ตในองค์กร ก็คือ "อินทราเน็ต" นั่นเอง แต่ในช่วงที่ชื่อนี้ยังไม่เป็นที่นิยม ระบบอินทราเน็ต ถูกเรียกในหลายชื่อ เช่น Campus network, Local internet, Enterprise network เป็นต้น อินทราเน็ตคืออะไร (จาก doothai.com)
    ในยุคที่อินเตอร์เน็ตขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต ในการโฆษณา การขายหรือเลือกซื้อสินค้าและชำระเงินผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในขณะที่องค์กรบางแห่งที่ไม่มุ่งเน้นการบริการข้อมูลอินเตอร์เน็ตระหว่างเครือข่าย ภายนอก แต่จัดสร้างระบบบริการข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรและเปิดให้บริการในรูปแบบเดียวกับที่มีอยู่ในโลก ของอินเตอร์เน็ตจริง ๆ โดยมีเป้าหมายให้บริการแก่บุคลากร ในองค์กร จึงก่อให้เกิดระบบอินเตอร์เน็ตภายในองค์กร เรียกว่า "เครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet)" เครือข่ายอินทราเน็ตนั้น เริ่มเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในปี พ.ศ.2539 แต่แท้ที่จริงแล้วได้มีผู้ริเริ่มพูดถึงชื่อนี้ตั้งแต่ สี่ปีก่อนหน้าแล้ว หลังจากนั้นระบบอินทราเน็ตจึงได้ได้รับความนิยมมากขึ้น ในยุคแรก ๆ ระบบนี้มีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เช่น แคมปัสเน็ตเวิร์ก (Campus Network) โลคัลอินเตอร์เน็ต (Local Internet) เอนเตอร์ไพรท์เน็ตเวิร์ก (Enterprise Network) เป็นต้น แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือชื่อ อินทราเน็ต ชื่อนี้จึงกลายเป็นชื่อยอดนิยมและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
    กล่าวได้ว่าการใช้งานอินทราเน็ต ก็คือ การใช้งานของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตโดยจำกัดขอบเขตการใช้งาน ส่วนใหญ่อยู่เฉพาะภายในเครือข่ายของหน่วยงานเท่านั้น และนอกจากนี้ระบบ อินทราเน็ตยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานอินทราเน็ตสามารถใช้ทั้งอินทราเน็ตและอินเตอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กันได้ โดยทั่วไปอินทราเน็ตจะไม่เน้นการเชื่อมต่อไปสู่อินเตอร์เน็ตภายนอก เพื่อสืบค้นหรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายนอก หากแต่มุ่งหวังที่จะจัดเตรียมข้อมูลและสารสนเทศภายในองค์กร ด้วยการจัดเตรียมคอมพิวเตอร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการข้อมูลในรูปแบบเดียวกับที่ใช้งานในอินเตอร์เน็ต และขยายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปถึงบุคลากรทุกหน่วยงาน ให้สามารถ เรียกค้นข้อมูลและสื่อสารถึงกันได้ รูปแบบสำคัญที่มีในอินทราเน็ต คือ การใช้ระบบเวบเป็นศูนย์บริการข้อมูลและข่าวสารภายใน สามารถให้ข้อมูลได้ทั้งข้อความ เสียง ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อน ไหวและเป็นเครื่องมือที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยได้ผนวกบริการข้อมูลอื่นรวมไว้ในตัวเช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การถ่ายโอนย้ายแฟ้มข้อมูล หรือกระดานข่าว เป็นต้น
    อินทราเน็ตจะช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเอกสารจากเดิมใช้วิธีทำสำเนาแจกจ่าย ไม่ว่าจะเป็นข่าว ประกาศ รายงาน สมุดโทรศัพท์ภายใน ข้อมูลบุคลากร มาจัดทำให้อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ แทน ผู้ใช้สามารถเรียกค้น ข้อมูลข่าวสารได้เมื่อต้องการ การประยุกต์ใช้อินทราเน็ตในหน่วยงานถือเป็นการปฏิรูปในองค์กรและก่อให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการและขั้นตอนการทำงานทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ช่วยให้การดำเนินงานเป็น ไปได้อย่างคล่องตัว และลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างมาก หากมีการวางแผนงานและเทคโนโลยีที่เหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้สูงขึ้น เครือข่ายอินทราเน็ตที่ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยติดต่อกันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้น เรียกว่าเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) เครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ตสามารถมองเป็นส่วนหนึ่งของ เครือข่ายอินทราเน็ตที่สามารถติดต่อ ออกไปหน่วยงานต่าง ๆ นอกองค์กรได้ การที่ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อกันแทนที่จะติดต่อกันโดยตรงระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ตนั้นทำให้ประหยัด ค่าใช้จ่าย และสามารถใช้ข้อดีของบริการบนอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ตได้มีประโยชน์สูงสุด ประโยชน์อินทราเน็ต (จาก doothai.com)
    ประโยชน์ของการนำอินทราเน็ตเข้ามาประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน สามารถสรุปได้ดังนี้
    1. การสื่อสารเป็นแบบสากล ผู้ใช้ระบบอินทราเน็ตสามารถส่งข่าวสารในรูปของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐานสากลระหว่างผู้ร่วมงานภายในหน่วยงานและผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งอยู่ภายนอกหน่วยงานได้
    2. อินทราเน็ตใช้มาตรฐานเครือข่าย และโปรแกรมประยุกต์ได้เช่นเดียวกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีใช้อย่างแพร่หลาย และผ่านการยอมรับให้เป็นมาตรฐานตามความนิยมไปโดยปริยาย โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย
    3. การลงทุนต่ำ ด้วยความต้องการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คล้ายคลึงกับที่ใช้ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายและราคาต่ำ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายการวางระบบเครือข่ายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ ค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนกับระบบอื่น ๆ
    4. ความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีที่ใช้นั้นได้ผ่านการทดลองใช้และปรับปรุง จนกระทั่งอยู่ในสถานภาพที่มีความเชื่อถือได้สูง
    5. สมรรถนะ สามารถสื่อสารข้อมูลรองรับการส่งข้อมูลที่ประกอบด้วย ข้อความ ภาพและเสียงได้
    ในปัจจุบัน บริษัทธุรกิจชั้นนำในประเทศต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยีอินทราเน็ตมาประยุกต์ใช้ในองค์กรกันอย่างแพร่หลาย สำหรับอินทราเน็ตในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น และการขยายแนวความคิดให้กับผู้บริหารองค์กร อีกทั้งองค์กรหลายแห่งยังคงไม่พร้อมทั้งด้านงบประมาณ และบุคลากรที่จะเชื่อมโยงสู่อินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริง อินทราเน็ตจึงเป็นช่องทางในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมในระยะแรก แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก